วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

ควันหลงมังกรหยก
ตอนที่ 2 เจ้ายุทธจักรมังกรหยก


หลังจากทีวีบี (ฮ่องกง) ได้สร้างหนังจีนชุดมังกรหยกภาค 1 และภาค 2 แล้ว ทีวีบีก็สร้างอีกหลายภาคที่เกี่ยวข้องกับเจ้ายุทธจักรทั้งห้าคน ได้แก่ กำเนิดเฮ้งเต็งเอี๊ยง (เทพภาคกลาง) กล่าวถึง เฮ้งเต็งเอี๊ยง หรือ เฮ้งช่งเอี๊ยง ซึ่งเป็นปรมาจารของช่วงจิงก่า กับคนรักซึ่งน่าจะเป็นปรมาจารของสุสานคนเป็น; เดชคัมภีร์มารนพเก้า ซึ่งมีตัวเอกคือ อึ้งเอี้ยซือ มารบูรพา หรือนักพากย์บางกลุ่มเรียก เฒ่าบูรพา เป็นตัวเอกคู่กับเทพธิดาเมืองกิมก๊ก เพ่งเฮ้ง ทั้งสองคือบิดาและมารดาของอึ้งย้งนั่นเอง;
ศึกสองเจ้ายุทธจักร ภายใต้สโลแกนสุดคลาสสิกว่า ทักษินมีราชา อุดรมียาจก เนื้อเรื่องกล่าวถึง อั้งชิกกง (อั้งเจ็ด) ยาจกอุดร และ ต้วนจือเฮง หรือต้วงตี้เฮง ราชาทักษิน ทั้งสามเรื่อง นับเป็นมังกรหยกภาคเดียวกัน คือ ภาค 3
จริงๆ หนังสือยังมีประวัติของจิวแปะทง เฒ่าทารก อีกเล่มนึง แต่จนถึงขณะนี้ทีวีบียังไม่เคยสร้างเป็นหนังจีนชุดเลย แต่อย่างไรก็ดี ทั้งสามเรื่องก็กล่าวถึงจิวแปะทง เฒ่าทารก และอาวเอี้ยงฮง พิษปัจฉิม ไว้เสมอในฐานะผู้ร้ายตลอดกาล ซึ่งงานเขียนของกิมย้งชุดนี้เรียกว่า เจ้ายุทธจักรมังกรหยก รู้สึกว่าจะเป็นภาค 3 (ไม่แน่ใจ)
              หลักสูตรการดูมังกรหยกให้ได้อรรถรสนั้น ตามความเห็นของฉัน ต้องเริ่มดูจากมังกรหยกภาค 1 แล้วก็ไปดูมังกรหยกภาค 2 ต่อกันทันที แล้วย้อนไปดู แปดเทพอสูรมังกรฟ้า กำเนิดเฮ้งเต็งเอี๊ยง ศึกสองเจ้ายุทธจักร และเดชคัมภีร์มารนพเก้า แล้วค่อยย้อนกลับไปดู มังกรหยกภาค 1 และภาค 2 อีกครั้ง ตามด้วยภาค 4 เทพบุตรมังกรฟ้า แล้วปิดท้ายด้วย เดชคัมภีร์เทวดา และตามด้วย จอมยุทธเย้ยยุทธจักร
                 ถ้าถามว่าทำไมต้องดูตามสูตรนี้หรือ ก็บอกได้ว่า ถ้าดูเจ้ายุทธจักรมังกรหยก หรือแปดเทพอสูรมังกรฟ้าก่อนล่ะก็ พวกยอดยุทธในมังกรหยกภาค 1 จะกลายเป็นพวกปลายแถวทันที ทำให้มังกรหยกภาค 1 และ 2 ขาดอรรถรสไปมาก ในทางตรงกันข้ามหากดูภาค 1 และ 2 แล้วค่อยไปดูแปดเทพอสูรมังกรฟ้า และชุดเจ้ายุทธจักรมังกรหยก จะทำให้เราได้อีกหนึ่งอรรถรส อีกหนึ่งมุมมองเมื่อกลับไปดูมังกรหยกภาค 1 และภาค 2 อีกรอบ และหลังจากภาค 2 รอบสองค่อยดูมังกรหยกภาค 4 เทพบุตรมังกรฟ้า (เตียบ่อกี้) ซึ่งเป็นกำเนิดสำนักบู๊ตึ้ง และจบด้วยบทสรุปของเหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายใน เดชคัมภีร์เทวดา และจอมยุทธเย้ยยุทธจักร
ซึ่งเป็นเรื่องของเล่งฮู้ชง อนึ่งสองเรื่องนี้มีความแตกต่างกันเล็กน้อยในด้านรายละเอียด คือ จอมยุทธเย้ยยุทธจักร จะขยายความเกี่ยวกับรายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว และความรู้สึกนึกคิดของ ตงฟางปุป้าย (บูรพาไม่แพ้) มากหน่อย บางภาคตงฟางฯ แอบหลงรักพระเอกอีกต่างหาก
                    

                       คำถามหนึ่งที่น่าสนใจคือว่าในยุทธจักรมังกรหยก ใครน่าจะเก่งที่สุด แตกต่างจาก โกวเล้ง ที่มีการจัดอันดับศาตราวุธ และเราก็ทราบว่า มีดบินลี้น้อย เป็นศาสตราวุธที่เป็นอันดับ 1 ในยุทธจักรของโกวเล้ง แต่สำหรับกิมย้งเราต้องเดาเอาเอง แต่แท้จริงแล้วมีจอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่อีกสองท่านที่ไม่ได้มีชีวิตโลดแล่นในยุทธจักรมังกรหยก แต่น่าจะเป็นปรมาจารย์ที่ยอดเยี่ยม หนึ่งคือ อึ๊งเซี้ยงผู้เขียนคัมภีร์มารนพเก้า (บางครั้งเรียก คัมภีร์เก้าอิม/ คัมภีร์เก้าจันทรา และอีกคน คือ ต๊กโกฉิวป้ายเจ้าของวิชา กระบี่นพเก้า ผู้ซึ่งต้องตายไปด้วยความเศร้าใจว่าหาคู่ต่อสู้ไม่ได้ เจ้าของหลักสูตร กระบวนท่าที่เหนือชั้นที่สุด คือ ไม่มีกระบวนท่าคนที่เรียนวิชานี้ในภายหลังก็คือ เอี้ยก้วย (มังกรหยกภาค 2) ฟงชิงหยาง และเล่งฮู้ชง แห่งหัวซาน (จอมยุทธเย้ยยุทธจักร) เพื่อวิเคราะห์เจาะลึกว่าตกลงใครคือจ้าวยุทธจักรมังกรหยกกันแน่ ฉันอยากให้ทุกคนลองตามมาวิเคราะห์กันดู
คนแรกที่ต้องกล่าวถึง คือ เฮ้งเต็งเอี๊ยงหรือ เฮ้งช่งเอี๊ยง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น “Candidate” ผู้ไร้เทียมทาน เพราะอย่างน้อยเค้าก็ คือ ผู้ชนะการประลองหัวซาน ทำให้มารบูรพา พิษปัจฉิม เจ้าอุดร และอ๋องทักษิน ตกไป จากภาพยนต์เรื่อง กำเนิดเฮ้งเต็งเอี๊ยง และคัมภีร์มารนพเก้า หลังจากชนะการประลองบนเขาหัวซานเพื่อชิงคัมภีร์มารนพเก้า (คัมภีร์เก้าอิม) แล้ว เฮ้งเต็งเอี้ยง จึงได้สมญาว่า เทพภาคกลาง
                เฮ้งเต็งเอี้ยง เสียชีวิตก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์มังกรหยกภาค 1 เสียอีกเหลือไว้เพียงศิษย์ 7 คน กับเพลงกระบี่เจ็ดดาวที่โด่งดัง (ต้องใช้ร่วมกัน 7 คนจึงจะมีอานุภาพ) ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ คูชู่กี ผู้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องมังกรหยก (ที่กล่าวถึงเยอะๆในตอนที่ 1)  และเป็นจอมยุทธที่ถูกชาวยุทธยกย่องกันเหลือเกินว่า มีคุณธรรมและเป็นผู้รักชาติ
                 เฮ้งเต็งเอี๊ยง มีศิษย์ผู้น้อง คือ จิวแป๊ะทง สมญา เฒ่าทารก ซึ่งเป็นคนขี้เล่น ขี้เบื่อ มีความคิดแปลกๆ สวนกระแสสังคม แต่กลับเป็นคนรักษาคำพูดเท่าชีวิต ยอมโดนขังบนเกาะดอกท้อยาวนานถึง 15 ปี โดยไม่มอบคัมภีร์เก้าอิมจินเก็งเล่ม 1 ให้กับอึ้งเอี๊ยซือ ยอมโดดทะเลเป็นอาหารปลาฉลามโดยไม่ยอมมอบคัมภีร์เก้าอิมจินเก็งให้กับอาวเอี้ยงฮง และมีจิตใจกว้างขวาง ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าลูกชายที่เกิดจาก เล่าเอ็งโกล ตายไปเพราะ คิ้วโชยยิ่ม ซึ่งขณะนั้นเป็น ไต้ซือฉือเอ็งทำให้ไต้ซือฉือเอ็งจากโลกไปอย่างสงบ ภายหลังมังกรหยกภาคสอง ชาวยุทธจึงยกให้ เฒ่าทารก เป็นจ้าวยุทธจักรมังกรหยกอย่างแท้จริง เพราะความใจกว้าง จริงใจ ยึดมั่นในคำพูด คุณธรรม
       หลังจากดู กำเนิดเฮ้งเต็งเอี๊ยง เสร็จต้องดู ศึกสองเจ้ายุทธจักร ซึ่งมีประโยคสุดคลาสสิกว่า ทักษินมีราชา อุดรมียาจก เนื้อเรื่องกล่าวถึง อั้งชิกกง (อั้งเจ็ด) ชื่อเจ็ดแต่เป็นลูกคนเดียว เป็นเสี่ยใหญ่ร้านอาหารหรู แต่อยากเป็นยาจก ต่อมาได้เรียนวิชาฝ่ามือสยบมังกร 18 ท่าจากประมุขพรรคกระยาจก และเป็นประมุขแทนในเวลาต่อมา ด้วยความดีที่สร้างไว้จึงมีฉายาว่า ยาจกอุดร  
        นิสัยเด่นๆ คือ เป็นคนเห็นแก่กิน ครั้งหนึ่งด้วยความเห็นแก่กินทำให้อาจารย์ตายไป ชิกกงจึงตัดนิ้วก้อยข้างซ้ายเพื่อให้จดจำไว้ว่าอย่าเห็นแก่กิน จึงได้สมญาว่า ยาจกเก้านิ้ว แต่สุดท้ายนิสัยเห็นแก่กินนี่ก็ยังส่งผลต่อชีวิตเค้าอีกหลายอย่าง และอย่างหนึ่งก็คือ การรับก๊วยเจ๋ง เป็นศิษย์ เพราะจริงๆ แล้วชิกกงเป็นคนไม่เคยรับศิษย์มาก่อน เค้าเคยสอนวิชาให้ ม้อเนี่ยมชื้อ (แม่ของเอี้ยก้วย) เพียงสามวันแล้วก็จากไปแต่เพียงสามวันก็ส่งผลให้ ม้อเนี่ยมชื้อ มีฝีมือสูงกว่า เอี้ยทิซิม ผู้เป็นบิดาบุญธรรมซะอีก แต่ภายหลังรับก๊วยเจ๋งเป็นศิษย์เพราะชอบฝีมือทำกับข้าวของอึ้งย้ง ต่อมา ก๊วยเจ๋ง อุทิศชีวิตเพื่อปกป้องเมือง เซียงเอี๊ยง หรือ เซียงหยัง จึงได้รับสมญา จอมยุทธอุดร เพื่อสืบต่อความเป็นเจ้าอุดรจากอาจารย์
             สำหรับ ราชาทักษิน หรือ อ๋องทักษิน นั้น เป็นสมญาของฮ่องเต้เป่าติ้งกั๊ว เมืองต้าหลี่ (ตาลีฟู) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของจีน แซ่ต้วน คนส่วนใหญ่เรียกว่า ต้วนอ๋อง ซึ่งกษัตริย์ตระกูลนี้โด่งดังมาตั้งแต่ ยุคแปดเทพอสูรมังกรฟ้า แล้ว ซึ่งพระเอกคนนึ่งคือ ต้วนอี้ ความโดดเด่นของตระกูลนี้ คือ วิชานิ้วดัชนี (หกดัชนี) และความเจ้าชู้ และกษัตริย์ทุกคนจะบวชเรียนหลังจากสละราชสมบัติที่วัดมังกรฟ้า (ประมาณว่าวัดประจำตระกูล) ดูๆ ไปคล้ายๆ กษัตริย์สยามของเรานี่แหล่ะ บางทีทีมงานที่ให้เสียงก็เรียกว่า กษัตริย์เมืองหงสาฯ อ๋องทักษินตอนหลังเสียใจเพราะรู้สึกผิดที่ไม่ช่วยลูกของ จิวแป๊ะทง ที่เกิดจากเล่าเอ็งโกล ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเจ้าจอมของตน จนทำให้ลูกของเล่าเอ็งโกลตายไป ทิ้งไว้เพียงความแค้นในใจผู้เป็นแม่ และผมขาวชั่วข้ามคืน ภายหลังยอมสละวิทยายุทธช่วยอึ้งย้ง และยังทำความดีมากมาย จนท้ายเรื่องมังกรหยก ภาค 2 ได้รับสมญาใหม่ว่า เทพทักษิน
                ดูศึกสองเจ้ายุทธจักรแล้วก็ควรต่อด้วย คัมภีร์มารนพเก้า ซึ่งกล่าวถึงประวัติของ อึ้งเอี๊ยซือ ซึ่งจะว่าไปเป็นตัวละครในมังกรหยกที่ฉันหลงไหลเป็นอันดับ 2 รองจากต้วนอี้ (แปดเทพอสูรมังกรฟ้า) อึ้งเอี้ยซือมีความแค้นลึกล้ำจนถึงกับฆ่าอาจารย์ที่ประสิทธิประสาทวิชาให้เป็นคนแรก (เจ้าสำนักแชไฮ้) จึงถูกขนานนามว่า มารบูรพา ฉันหลงไหลอึ้งเอี๊ยซือ หลังจากดูคัมภีร์มารนพเก้า หนึ่งอาจเพราะ เดวิดเจียง เล่นดีสุดๆ และที่สำคัญคือ อึ้งเอี้ยซือ เป็นคนซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง เค้าไม่เสียเวลากับการรักษาชื่อเสียง สร้างภาพ จอมปลอม ไม่สนใจขนบประเพณีงมงาย ตัดสินทุกสิ่งด้วยมาตรฐานคุณธรรมที่อยู่ในใจ ถึงแม้จะใจร้อนและเอาแต่ใจไปสักนิด ก็ยังพออภัยกันได้ เพราะกิมย้งเขียน อึ้งเอี๊ยซือ ให้เป็นคนจริงๆ มีดีมีชั่วธรรมดา แต่ภายหลังเค้าแสดงให้เห็นชัดเจนว่า เค้าเสียใจมากกับสิ่งที่ทำไป โดยเฉพาะที่ใจร้อนตัดเอ็นเท้าศิษย์ทุกคน เพราะโกรธตั้งเฮี้ยงฮวงและบ๊วยชิวฮวง ที่หนีออกจากเกาะพร้อมขโมยคัมภีร์มารนพเก้า (คัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง) ซึ่งต่อมาทั้งสองกลายเป็น มารกระดูกขาว แต่ภายหลังจากที่คนรู้จักอึ๊งเอี้ยซือมากขึ้นจึงเรียกว่า เจ้าบูรพา
              ถึงแม้ว่าตอนที่จบมังกรหยกภาค 2 อึ๊งเอี้ยซือจะยังมีชีวิตอยู่จึงไม่มีผู้สืบทอด แต่ภายหลังหลานสาวคนสำคัญ คือ ก๊วยเซียง ผู้ซึ่งมีจิตใจกว้างขวาง มีน้ำใจ และทำอะไรตามแต่อำเภอน้ำใจตน แต่สามารถสร้างชื่อเสียงถึงกับเป็นปรมจารย์ สำนักง๊อไบ๊ จึงมีสมญาว่า บูรพาน้อย สืบต่อความเป็นเจ้าบูรพาจากตา
        ตลอดเรื่องคัมภีร์มารนพเก้า คู่ปรับคนสำคัญของอึ๊งเอี้ยซือ คือ อาวเอี๊ยงฮง เจ้าสำนักอูฐขาว ซีอี้ (อินเดีย) ซึ่งเป็นเจ้าแห่งพิษ จึงถูกขนานนามว่า พิษปัจฉิมซึ่งเลวเบ็ดเสร็จ แต่ความน่ารักของอาวเอี้ยงฮง คือ รักลูกชายนอกสมรส ซึ่งเกิดจากพี่สะไภ้ ชื่อว่า อาวเอี๊ยงเข็ก มากจนแม้ภายหลังจากที่อาวเอี๊ยงฮงเสียความทรงจำ (เป็นบ้า) เนื่องจากธาตุไฟแตกซ่าน ได้รับเอี้ยก้วย (ลูกชายของเอี้ยคัง) เป็นบุตรบุญธรรม และนั่นแทบจะเป็นสิ่งเดียวในชีวิตที่เค้าเลือกถูกและทำถูก ในภายหลังเอี้ยก้วยท่องยุทธจักร ทำประโยชน์ให้กับชาวยุทธจักรมากมาย และถูกขนานนามเป็น จอมยุทธเทพอินทรี เนื่องจากเอี้ยก้วยเป็นคนที่ทำอะไรตามใจตน ไม่สนใจคนรอบข้าง รักเซียวเหล่งนึ่งมากจนคลั่ง อึ้งย้งจึงได้ตั้งสมญา ปัจฉิมคลั่งให้กับเค้าเพื่อสืบต่อความเป็นเจ้าแห่งทิศปัจฉิมแทนบิดาบุญธรรม คือ อาวเอี้ยงฮง นั่นเอง
              หลังจาก เฮ้งช่งเอี๊ยง เป็นผู้ไร้เทียมทานหลังชนะการประลองบนเขาหัวซาน เค้าจึงเป็นปรมาจารย์จ้าวยุทธจักรมังกรหยกอย่างแท้จริง แต่หลังจากเค้าจากโลกไป ทั้งห้าผู้ยิ่งใหญ่ยกให้ อั้งชิกกง เป็นจ้าวยุทธจักรมังกรหยกเนื่องจากคุณธรรมในจิตใจ และสุดท้ายตำแหน่งดังกล่าวก็ถูกยกให้กับ จิวแปะทง เพราะความใจกว้างนั่นเอง
               ฉันเคยมานั่งไล่ดูประวัติทุกๆ คนแล้วอยากรู้ว่า จริงๆ แล้วใครกันแน่ที่มีวิชายุทธสูงสุด ในบรรดาผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุทธจักรมังกรหยก และสำหรับฉันขอ Nominate ให้กับจอมยุทธ์หลักๆ ดังต่อไปนี้
          คนแรก หลานสาว(ปู่/ตา)ของเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่ง (ไม่ประสงค์จะออกนาม) จากเรื่องดาบมังกรหยก (มังกรหยกภาค 4)  เพราะว่าเอี้ยก้วยฝึกฝีมือจนสุดยอดกว่า ปรมาจารย์ตู้กูฉิวป้าย แถมวิชาเก้าอิมจินเก็งก็เป็น(ฝึกจากบันทึกของเฮ้งช่งเอี๊ยง) วิชาของยาจกอุดรและพิษปัจฉิมเค้าก็เป็นทั้งหมด (ฝึกตอนที่ทั้งสองคนประลองกันโดยการบอกให้เอี้ยก้วยร่ายรำ) อีกทั้งยังเรียนทั้งช่วงจินก่า (ฝึกเพื่อใช้คัมภีร์ดรุณี) และสุสานโบราณ (เป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์สุสานคนเป็น) จนในที่สุดหลอมรวมเป็นวิชาลมทะเลไต้ (คิดเอง)
             ในขณะเดียวกัน เซียวเหล่งนึ่ง วันๆ ไม่ทำอะไร ฝึกวิชาอย่างเดียวจนคิดวิชาใหม่ๆ ได้ทุกวัน แถมตอนหลังสองผัวเมียกลับไปอยู่ในสุสานคิดวิชาใหม่ๆ กันสองคน ดังนั้น ถ้านำไปสอนลูกเค้าคงเก่งสุดๆ แถมลูกที่เกิดมาคงนอนบนเตียงหยกเย็นตลอดคงมีกำลังภายในสูงส่งกว่าคนภายนอกอีกด้วย และสมมุติฐานนี้พิสูจน์ได้จากตอนสุดท้ายในเรื่อง ดาบมังกรหยก หลานสาวของเอี้ยก้วยสามารถสยบวิชากงเล็บกระดูกขาวของ จิวจื้อเยาะ ได้อย่างง่ายดาย ไปมาไร้ร่องรอย เคลื่อนไหวแผ่วเบาแต่วิชากลับหนักหน่วงรุณแรง
               คนที่สอง คือ ไต้ซื้อซีจุ๊จื่อ จากแปดเทพอสูรมังกรฟ้า ภายหลังเป็นเจ้าสำนักหรรษา และสำนักหลิงจิ่วกง เพราะเค้าได้รับพลังวัตต์ (กำลังภายใน) จากปรมาจารย์ที่มีวิชาสูงสุดถึง 3 คน คือ พลัง 70 ปีของเจ้าสำนักหรรษา พลัง 80ปีของเจ้าแม่หลิงจิ้วกง และพลัง 65-70 ปีของหลี่ชิวสุ่ย (เจ้าจอมซีเซี่ย) ซึ่งทั้งสามคนเพียงแค่คนใดคนหนึ่งก็ชนะคนเกือบหมดยุทธจักรอยู่แล้ว แต่ว่าดันรวม 3 เป็นหนึ่งจึงน่ากลัวสุดๆ
                 คนที่สาม คือ ไต้ซื้อในหอคัมภีร์ของวัดเส้าหลิน จากแปดเทพอสูรมังกรฟ้า อีกนั่นแหล่ะ คนนี้เมื่อเทียบกับสำนักหรรษาทั้งสามคนน่าจะเหนือกว่านิดหน่อย เพราะพวกที่ตั้งหลักเข้าไปฝึกวิชาเส้าหลินต่างก็มีพลังยุทธยอดเยี่ยม แต่ปัญหาของพลังวัตต์เส้าหลิน คือ ผู้ฝึกต้องปราศจากกิเลส ถ้าฝึกฝนด้วยความโลภจะส่งผลกระทบถึงอวัยวะภายใน ซึ่งหลวงจีนเป็นคนที่อ่านจิตคนออก มีพลังจิตทำให้คนตายได้อีกต่างหาก แถมบรรลุธรรมด้วย แค่เหลือบมองคนก็ตายแล้วอ่ะ ไม่ต้องลงมือ อันนี้น่าจะเป็นที่หนึ่งเหนือชั้นกว่าใครๆ
                 เมื่อกล่าวถึงวิชาแข็งกร้าวของเส้าหลินย่อมต้องกล่าวถึง คนที่สี่ คือ ปรมาจารย์เตียซำฮง บางครั้งก็เรียกว่าจางซานฟงของสำนักบู๊ตึ้ง จากดาบมังกรหยก ซึ่งเรื่องบรรลุธรรมและปลงได้นั้นไม่แพ้ใคร แถมอายุยืนโคตรๆ วิชาที่คิดค้นขึ้นก็ไว้สยบวิชาเส้าหลินโดยเฉพาะ เพราะเน้นพลังที่อ่อนนุ่มสยบความแข็งกร้าว หรือที่เรียกว่า อ่อนสยบแข็ง สี่ตำลังพัดพันชั่ง นั่นเอง
                แต่ใครจะเก่งกว่าก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ ปรมาจารย์เตียซำฮง สามารถคิดค้นวิชาไท้เก็กที่ทำให้คนมีสุขภาพแข็งแรงจนถึงปัจจุบัน ความยิ่งใหญ่ของ ปรมาจารย์เตียซำฮง จึงไม่ได้เกิดจากอัจฉริยภาพทางความสามารถ แต่เป็นคุณธรรมและความเมตตาที่ไม่หวงแหนวิชา และการถ่ายทอดวิชานี้ให้กับลูกศิษย์มากมายจนสามารถสืบสานมาได้ถึงปัจจุบัน
                คนสุดท้าย ตงฟางปุ๊ป้าย (บูรพาไม่แพ้) จากเดชคัมภีร์เทวดา ซึ่งตรงข้ามกับคนที่สามและสี่อย่างสิ้นเชิงเพราะวิชาจากคัมภีร์ทานตะวัน (คัมภีร์เทวดา) เป็นวิชาที่ก่อเกิดจากกิเลสและความกดดันระดับมหาศาล มีแรงกดดันด้านกามารมณ์สูงถึงขนาดที่จะเกิดความร้อนอย่างหนักหน่วงทำให้ผู้ฝึกต้องตัดองคชาติทิ้งไป (ไม่เก็บไว้ใช้อีก) ซึ่งคนที่คิดคนแรกเค้าเป็น ขันที อยู่แล้วจึงไม่มีประเด็น แต่แปลกคือ ผู้หญิงไม่ยักฝึกวิชานี้ ต้องให้ผู้ชายฝึกและต้องตัดให้เสียวกันอ่ะ
              ดังนั้น หากคนที่สามและสี่เป็นตัวแทนแห่งความบริสุทธิจากกิเลศ คนที่ห้าหรือคนสุดท้ายนี้ก็คือ ตัวแทนของมนุษย์ที่มีกิเลสเต็มเปี่ยม มีความต้องการสุดยอดส่งผลให้ได้วิชาที่สุดยอดในโลกมนุษย์ที่แม้แต่เข็มก็เป็นอาวุธฆ่าคนได้อย่างเด็ดขาดเลือดเย็นอย่างยิ่ง ถ้าใครดูเดชคัมภีร์เทวดาภาค 3 ที่หลินชิงเสียเล่นก็จะพบว่า เธอใช้เข็มกะด้ายคว่ำเรือรบได้ทั้งลำเลยอ่ะ โคตรรุณแรงอ่ะ
              สำหรับชั้น ถ้าเอาด้านจิตวิทยามาสู้ วิทยายุทธเป็นเรื่องของโลกๆ และการสู้รบปรบมือ ดังนั้น ถึงแม้ความสำเร็จทางธรรมจะส่งผลให้มีวิทยายุทธสูงส่ง แต่การสั่งสมกิเลสอย่างมหาศาลก็ใช่จะสามารถดูถูกได้ว่าวันหนึ่งอาจทำลายล้างได้ทุกสิ่ง และยิ่งมาเห็นในชีวิตความเป็นจริง แรงขับดันของมวลชนเหล่ากระเทย กระเทียมทั้งหลาย  เราจะพบว่า กระเทยนอกจากมี 2 เพศแล้ว เค้าเหมือนทำงานได้เท่ากับคน 2 คน แรงขับดันที่ต้องการการยอมรับสูงมากถึงขั้นสร้างสรรผลงานโดดเด่นโดนใจได้เสมอๆ ทำไปทำมาแทบจะครองโลกได้อยู่แล้วอ่ะ ถ้าให้จัด Vote จอมยุทธทั้ง 5 คน ชาวสีม่วงน่าจะ Vote เบอร์ 5 แน่ๆ แล้วพวกคุณล่ะ คิดจะ Vote ให้เบอร์อะไร....ลอง Vote กันสนุกๆ น๊ะค๊

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น